สาเหตุถุงใต้ตาดำ เกิดจากอะไร พร้อมวิธีแก้ไข

ถุงใต้ตาดำ เป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อยและสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุและพฤติกรรมต่างๆ ที่ส่งผลให้ใต้ตาดำได้เช่นกัน และนี่คือสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เกิดถุงใต้ตาดำ และวิธีแก้ไขที่คุณสามารถทำได้

 

สาเหตุของถุงใต้ตาดำ
•    พันธุกรรม: บางคนมีปัญหาถุงใต้ตาดำที่สืบทอดมาจากครอบครัว ซึ่งเกิดจากโครงสร้างผิวหนังและกระดูกบริเวณรอบดวงตาที่บางและมีสีเข้มกว่าปกติ
•    การไหลเวียนเลือดไม่ดี: เมื่อเลือดไหลเวียนไม่ดีบริเวณใต้ตา อาจทำให้เส้นเลือดฝอยขยายตัวและทำให้เห็นเป็นสีเข้มขึ้น
•    อายุ: เมื่ออายุมากขึ้น ผิวหนังใต้ตามีความบางลงและสูญเสียคอลลาเจน ทำให้เห็นเส้นเลือดใต้ผิวชัดเจนขึ้น ซึ่งส่งผลให้ถุงใต้ตาดำชัดเจนขึ้น
•    พักผ่อนไม่เพียงพอ: การนอนหลับไม่เพียงพอทำให้ร่างกายฟื้นฟูไม่เต็มที่ ซึ่งสามารถทำให้เกิดการสะสมของของเหลวใต้ตาและทำให้ถุงใต้ตาดูดำคล้ำ
•    อาการภูมิแพ้: การแพ้ฝุ่นหรือสารก่อภูมิแพ้อื่นๆ สามารถทำให้เกิดการอักเสบและการคั่งของของเหลวบริเวณใต้ตา ทำให้ดูดำคล้ำ
•    แสงแดด: การโดนแสงแดดมากเกินไปสามารถกระตุ้นการสร้างเมลานิน ซึ่งทำให้ผิวบริเวณใต้ตามีสีเข้มขึ้น
•    ดื่มน้ำไม่เพียงพอ: การขาดน้ำทำให้ผิวดูแห้งและบางลง ซึ่งทำให้เห็นเส้นเลือดใต้ตาชัดเจนยิ่งขึ้น

 

วิธีแก้ไขถุงใต้ตาดำ
•    นอนหลับให้เพียงพอ: ควรนอนหลับอย่างน้อย 7-9 ชั่วโมงต่อคืน เพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูและลดการสะสมของเหลวใต้ตา
•    การใช้อายครีม: เลือกใช้อายครีมที่มีส่วนบำรุงผิวใต้ตา ช่วยให้ผิวสว่างกระจ่างใสขึ้น 
•    การใช้ถุงชาเย็นหรือแตงกวา: การวางถุงชาเย็นหรือแผ่นแตงกวาบริเวณใต้ตาเป็นเวลา 10-15 นาทีสามารถช่วยลดอาการบวมและทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น
•    ดื่มน้ำให้เพียงพอ: ควรดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน เพื่อรักษาความชุ่มชื้นและลดการสะสมของสารพิษในร่างกาย
•    ป้องกันแสงแดด: ใช้ครีมกันแดดและสวมแว่นกันแดดเมื่อออกแดด เพื่อป้องกันการกระตุ้นการสร้างเมลานินคล้ำใต้ตา
•    ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา: หากถุงใต้ตาดำเกิดจากโครงสร้างผิวที่บางและเห็นเส้นเลือดชัด การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอาจช่วยเติมเต็มและลดความคล้ำได้

 

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ช่วยแก้ไขปัญหาใต้ตาได้อย่างครอบคลุม ทำได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ส่วนฟิลเลอร์ใต้ตาราคาขึ้นอยู่กับคนไข้ได้รับFiller ไปในปริมาณเท่าไหร่ จำนวนกี่ CC และชนิดของ Filler ที่ใช้เติมเข้าไป ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ประเมินให้โดยจะขึ้นอยู่กับปัญหาผิวและโครงสร้างใบหน้าของคนไข้รายบุคคล