ปวดหัวเพราะแสงสีฟ้า รู้จักอาการปวดหัวรูปแบบใหม่ของคนจ้องหน้าจอทั้งวัน

ในยุคที่ทุกอย่างแทบจะเกิดขึ้นผ่านหน้าจอ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน ประชุม เรียนออนไลน์ หรือแม้แต่การพักผ่อนด้วยการไถโซเชียล หลายคนอาจเริ่มรู้สึก "ปวดหัว" แบบไม่รู้สาเหตุ บางครั้งก็ปวดตื้อ ๆ ตรงกลางหัว หรือหนัก ๆ บริเวณขมับ และหนึ่งในตัวการที่หลายคนมองข้ามก็คือ “แสงสีฟ้า” (Blue Light) จากหน้าจอต่าง ๆ ที่เราใช้ทุกวัน บทความนี้ขอพาคุณมารู้จักกับแสงสีฟ้ารวมถึงวิธีการป้องกันค่ะ

แสงสีฟ้าคืออะไร? แสงสีฟ้า (Blue Light) เป็นคลื่นแสงที่มีความยาวคลื่นสั้นแต่พลังงานสูง โดยมีอยู่ทั่วไปในแสงแดด และในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น
• หน้าจอคอมพิวเตอร์
• สมาร์ตโฟน
• แท็บเล็ต
• ทีวี
• หลอดไฟ LED
แม้แสงสีฟ้าจะมีข้อดี เช่น ช่วยให้เราตื่นตัวในตอนกลางวัน แต่การได้รับในปริมาณมากและต่อเนื่อง โดยเฉพาะในระยะใกล้และเป็นเวลานาน ก็อาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้

อาการปวดหัวจากแสงสีฟ้า เกิดขึ้นได้อย่างไร? เมื่อเราจ้องหน้าจอเป็นเวลานาน ร่างกายจะต้องรับมือกับการกระตุ้นจากแสงสีฟ้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง เช่น
• ตาล้า ตาแห้ง หรือเคืองตา
• ปวดเบ้าตา หรือปวดขมับ
• ปวดหัวเรื้อรังโดยไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน
• นอนไม่หลับหรือนอนหลับไม่สนิท
• มีอาการปวดหัวเพิ่มขึ้นเมื่อใช้หน้าจอในที่มืด
อาการเหล่านี้เกิดจากการที่แสงสีฟ้าทำให้กล้ามเนื้อตาทำงานหนักขึ้น ส่งผลต่อระบบประสาท รวมถึงรบกวนวงจรการหลับตื่น (Circadian Rhythm)

ใครบ้างที่เสี่ยงมีอาการปวดหัวจากแสงสีฟ้า?
• คนที่ทำงานหน้าคอมฯ มากกว่า 6 ชั่วโมงต่อวัน
• คนที่ใช้สมาร์ตโฟนตลอดเวลา
• นักเรียนหรือเด็กที่เรียนออนไลน์
• คนที่มีพฤติกรรมใช้หน้าจอในที่มืด
• คนที่ไม่สวมแว่นกรองแสงหรือไม่มีการพักสายตาเลย

วิธีป้องกันอาการปวดหัวจากแสงสีฟ้า แม้เราจะหลีกเลี่ยงแสงสีฟ้าได้ยาก แต่เราสามารถลดผลกระทบได้ด้วยวิธีต่อไปนี้

• ใช้ฟิล์มหรือแว่นกรองแสงสีฟ้า
ช่วยกรองคลื่นแสงที่เป็นอันตรายและลดการสะท้อนเข้าสู่ดวงตา

• พักสายตาเป็นระยะ (กฎ 20-20-20)
ทุก 20 นาที มองไปที่ระยะไกล 20 ฟุต (ประมาณ 6 เมตร) นาน 20 วินาที

• ปรับความสว่างหน้าจอให้เหมาะสม
ไม่ให้สว่างเกินไปหรือต่างจากแสงรอบตัวมากนัก

• ใช้โหมดถนอมสายตาหรือ Night Mode
อุปกรณ์ส่วนใหญ่มีโหมดนี้เพื่อลดแสงสีฟ้าโดยเฉพาะ

• หลีกเลี่ยงการใช้หน้าจอก่อนนอน
อย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนเข้านอน เพื่อไม่ให้แสงสีฟ้ารบกวนการหลับ

อาการปวดหัวในยุคดิจิทัลไม่ได้มาจากความเครียดหรือการพักผ่อนไม่พอเสมอไป “แสงสีฟ้า” จากหน้าจอที่เราใช้อย่างต่อเนื่องทุกวันก็เป็นอีกหนึ่งต้นเหตุสำคัญที่คนยุคนี้ควรรู้ทัน การปรับพฤติกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ สามารถช่วยลดอาการไม่พึงประสงค์ และทำให้คุณใช้ชีวิตหน้าจอได้อย่างสมดุลมากขึ้น ผู้อ่านท่านใดที่มีความน่าสนใจ อยากเข้ารับการรักษาอาการปวดหัว สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ H8 Clinic คลินิกเฉพาะทางด้านรักษาอาการปวดหัว ที่ดูแลคุณอย่างใส่ใจ โดยแพทย์ด้านระบบประสาทและสมอง ด้วยวิธีการรักษาที่ทันสมัยมีประสิทธิภาพ เพราะเราอยากให้คุณหายขาดจากอาการปวดหัวที่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของคุณค่ะ